ทิ้งผิดที่เสี่ยงโดนปรับ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแล้วขยะไปไหน?

การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไม่ใช่แค่เรื่องของการทุบให้พังแล้วจบ แต่คือกระบวนการที่ต้องรับผิดชอบต่อทั้งโครงสร้าง ความปลอดภัย และขยะก่อสร้างที่ตามมา เพราะขยะจากการรื้อถอน ไม่ว่าจะเป็นเศษอิฐ ปูน เหล็ก หรือวัสดุที่ปนเปื้อน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่จะทิ้งที่ไหนก็ได้ตามใจ หากนำไปทิ้งผิดที่ ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเสี่ยงต่อการโดนปรับหรือดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า ขยะจากการรื้อถอนมีอะไรบ้าง ควรจัดการอย่างไร และทำไมการเลือกผู้ให้บริการรื้อถอนที่มีระบบจัดการขยะอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ปัญหาขยะจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างมองข้ามไม่ได้

การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในแต่ละครั้งล้วนก่อให้เกิดขยะก่อสร้างจำนวนมหาศาล ซึ่งหากไม่มีการจัดการเศษวัสดุอย่างเป็นระบบ ไม่เพียงแต่สร้างความยุ่งยากในด้านโลจิสติกส์เท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในพื้นตามมา เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) น้ำเสียจากการล้างวัสดุหรือฝุ่นผง และดินปนเปื้อนจากสารเคมีหรือของเสียอันตราย

โดยขยะจากการรื้อถอน แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

• Non-hazardous Waste (ขยะไม่อันตราย): วัสดุส่วนใหญ่ที่สามารถรีไซเคิลหรือกำจัดได้โดยไม่ต้องใช้วิธีพิเศษ เช่น เศษอิฐ หิน ปูน เหล็กและโลหะ ไม้ กระจก พลาสติกประเภทไม่ปนเปื้อน และกระเบื้องหลังคาทั่วไป แม้จะไม่เป็นอันตรายโดยตรง แต่หากปล่อยสะสมไว้ในแหล่งธรรมชาติ ก็อาจรบกวนระบบนิเวศ และทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อพื้นที่โดยรอบ
• Hazardous Waste (ขยะอันตราย): วัสดุที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เช่น เศษสีที่มีสารตะกั่วหรือปรอท ฉนวนกันความร้อนที่มีสารเคมีอันตราย เศษท่อพลาสติกที่เคลือบสารเคมี และแร่ใยหิน (ส่วนประกอบในฝ้า กระเบื้องหลังคา หรือฉนวนกันความร้อน หากสูดดมเข้าไปต่อเนื่อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด และโรคระบบทางเดินหายใจ)

โทษของการทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างผิดที่

การทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างผิดที่ เช่น ข้างถนน พื้นที่รกร้าง หรือแหล่งธรรมชาติ อาจทำให้คุณต้องรับโทษทางกฎหมายและสร้างผลกระทบต่อสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

• พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535: ห้ามทิ้งสิ่งปฏิกูล/มูลฝอยในที่สาธารณะหรือไม่ได้รับอนุญาต โทษ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท และต้องจัดเก็บขยะด้วยตนเอง
• พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535: ห้ามทิ้งของเสียอันตราย เช่น สี แร่ใยหิน ของเสียเคมี โทษ ปรับสูงสุด 1,000,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
• กฎหมายท้องถิ่น (เทศบาล/อบต.): มีข้อบัญญัติห้ามทิ้งวัสดุก่อสร้างบนพื้นที่สาธารณะ โทษ ปรับตามเทศบัญญัติของแต่ละพื้นที่ (เช่น หลายพันบาท)

แนวทางการจัดการขยะจากการรื้อถอนอย่างถูกต้อง

การจัดการขยะจากการรื้อถอนควรวางแผนตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงทางกฎหมาย โดยแนวทางที่แนะนำมีดังนี้

แยกประเภทขยะตั้งแต่ต้นทาง

ก่อนเริ่มต้นการรื้อถอน ควรมีการสำรวจและแยกประเภทวัสดุต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เช่น เหล็ก ไม้ ปูน อิฐ กระเบื้อง รวมถึงวัสดุที่มีสารเคมีหรือมีคุณสมบัติเป็นของเสียอันตราย การคัดแยกวัสดุตั้งแต่ต้นทางจะช่วยให้สามารถนำบางส่วนไปรีไซเคิล หรือขายต่อได้ ส่วนวัสดุที่เป็นของเสียอันตราย ควรมีการแยกจัดเก็บอย่างปลอดภัย พร้อมติดป้ายชัดเจนเพื่อรอการกำจัดตามขั้นตอนที่เหมาะสม

ติดต่อบริษัทรับกำจัดขยะหรือบริษัทรีไซเคิล

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่ให้บริการจัดการขยะจากงานก่อสร้างโดยเฉพาะ ทั้งในด้านการรับซื้อวัสดุรีไซเคิลและบริการรับขนย้ายวัสดุเหลือใช้ถึงหน้างาน ช่วยลดภาระของเจ้าของโครงการในการขนย้ายเอง อีกทั้งยังมั่นใจได้ว่าวัสดุเหล่านั้นถูกจัดการอย่างเหมาะสม ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ใช้ถุงหรือภาชนะบรรจุขยะที่เหมาะสม

ในการจัดเก็บขยะจากการรื้อถอน ควรเลือกใช้ถุงหรือภาชนะที่แข็งแรง ทนทาน และมีความสามารถในการรองรับวัสดุหนักหรือของมีคมได้ หากเป็นขยะอันตราย ควรใช้ถังหรือกล่องเฉพาะที่ปิดสนิท มีฉลากระบุประเภทวัสดุชัดเจน เพื่อป้องกันการรั่วไหลหรือปนเปื้อนออกสู่สิ่งแวดล้อม

ตรวจสอบกับหน่วยงานท้องถิ่นก่อนทิ้ง

ก่อนดำเนินการทิ้งขยะจากการรื้อถอน ควรติดต่อสอบถามและตรวจสอบข้อกำหนดจากหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่ามีสถานที่ใดรองรับขยะก่อสร้าง หรือมีขั้นตอนการขออนุญาตขนย้ายอย่างไร เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกปรับ และทำให้การจัดการขยะมีความโปร่งใส

จ้างบริษัทรื้อถอนที่มีมาตรฐาน

ควรเลือกใช้บริการจากบริษัทรื้อถอนที่มีมาตรฐาน มีประสบการณ์ และมีขั้นตอนการจัดการขยะที่เป็นระบบ จะช่วยให้โครงการของคุณราบรื่นและลดผลกระทบทั้งทางกฎหมายและสิ่งแวดล้อม

อยากรื้อถอนสิ่งก่อสร้างต้อง ปิยะมิตร กรุ๊ป

หากคุณกำลังวางแผนจะรื้อถอนอาคาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง บ้านเก่า โกดัง โรงงาน หรือสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ การเลือกผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญและมีระบบจัดการครบวงจรคือสิ่งสำคัญ บริษัท ปิยะมิตร กรุ๊ป จำกัด คือหนึ่งในผู้นำด้านการรื้อถอนที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี และทีมงานมืออาชีพที่ผ่านการอบรมเฉพาะทาง ทำให้ทุกขั้นตอนของการรื้อถอนเป็นไปอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และสอดคล้องกับกฎหมาย

หากคุณกำลังมองหาทีมรื้อถอนที่เข้าใจทุกขั้นตอน มีประสบการณ์จริง และจัดการได้ครบจบในที่เดียว ติดต่อ ปิยะมิตร กรุ๊ป วันนี้ เพื่อเริ่มต้นงานรื้อถอนอย่างมืออาชีพ ปลอดภัย และถูกกฎหมาย